+100%-

ตอนที่ 136 – อย่าคิดที่จะหนีเลย พวกเราได้ล้อมที่นี่ไว้จนหมดแล้ว

  

หุบเขาเกลอยู่ไกลจากย่านใบสีแดงพอสมควรเพื่อลดเวลาในการไปถึงฉีเฟิงจึงใช้คัมภีร์เพิ่มความเร็วโดยไม่ลังเล

 

ทำให้ร่างของฉีเฟิงพุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูงจนคนอื่นเห็นเป็นเพียงเงาวิ่งผ่านไปเท่านั้น

 

“นั่นใครน่ะ? มันจะวิ่งเร็วขนาดนี้ได้ยังไง  มันแฮ็คเกมรึเปล่าเนี่ย”

 

“คนๆนั้นจะต้องเป็นนักฆ่าที่อัพค่าสถานะทั้งหมดไปที่ความเร็วอย่างแน่นอน  ไม่อย่างนั้นเขาจะเร็วขนาดนี้ได้ยังไง”

 

ผู้เล่นที่เห็นเงาของฉีเฟิงต่างตกใจอย่างมากด้วยความเร็วที่เหมือนกับสายลมของเขา ทำให้ผู้เล่นทำไม่ได้แม้กระทั้งระบุอาชีพของเขา

 

นับตั้งแต่ที่ฉีเฟิงได้มาถึงเลเวล 10 และติดตั้งซิลเวอร์เลคเข้าไปใหม่ความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 เท่าจากตอนที่เขาอยู่ในเลเวล 9 

 

ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ผู้เล่นได้มาถึงเลเวล 10 ค่าสถานะทั้งหมดของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอีก 10 แต้มและ HP ก็จะเพิ่มขึ้นอีก 100 แต้ม  ด้วยเหตุผลนี้มันจึงเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างผู้เล่นที่อยู่ในเลเวล 9 และเลเวล 10

 

เมื่อเปรียบเทียบค่าสถานะของฉีเฟิงกับผู้เล่นเลเวล 10 โดยเฉลี่ย  จะพบว่าค่าสถานะของฉีเฟิงนั้นจะสูงกว่าผู้เล่นคนอื่นๆอย่างมหาศาล เพียงแค่เปลวไฟปีศาจน้ำแข็งเพียงอย่างเดียวก็ได้เพิ่มค่าสถานะให้ฉีเฟิงไปกว่า 30 แต้มแล้วไม่ต้องพูดถึงอุปกรณ์อื่นๆที่เขาสวมใส่อยู่เลย  มันจะมีผู้เล่นเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นที่จะมีค่าสถานะเทียบเท่ากับฉีเฟิงได้

 

ค่าความว่องไวของฉีเฟิงนั้นได้ทะลุ 100 แต้มไปแล้วเขาจึงสามารถปลดล็อกสกิลติดตัว ‘ความว่องไวเหนือสายลม’ ได้

 

สกิลนี้เป็นสกิลที่ดีที่ใช้สำหรับการต่อสู้  ด้วยสกิลติดตัวนี้จะทำให้ผู้เล่นมีความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 15% และความเร็วในการโจมตีเพิ่มขึ้น 5%  นอกจากนี้มันยังลดค่าสถานะแฝง ‘ค่าความเหนื่อย’ ให้ลดน้อยลงทำให้ผู้เล่นสามารถที่จะเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องได้นานยิ่งขึ้น

 

ก่อนที่จะมีสกิลนี้ฉีเฟิงต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงแต่ด้วยสกิลนี้เขาก็สามารถไปถึงหุบเขาเกลได้ด้วยระยะเวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น

 

บริเวณด้านนอกของหุบเขาเกลเป็นพื้นที่ของมอนสเตอร์เลเวล 8  ในขณะที่บริเวณใจกลางหุบเขาจะเป็นพื้นที่ของมอนสเตอร์เลเวล 9  สถานที่แห่งนี้จะมีมอนสเตอร์เป็นจำนวนมากและมอนสเตอร์พวกนี้ก็จะรวมตัวกันเป็นกลุ่มขนาดเล็ก  ทำให้มีผู้เล่นเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่กล้ามาเก็บเลเวลที่หุบเขาแห่งนี้

 

ตามข้อมูลที่แบล็คกี้ให้มาสหพันธ์นักสู้ได้ส่งผู้เล่นมาเพื่อไล่ล่าพวกเขาเป็นจำนวนกว่า 200 คนและด้วยพื้นที่หุบเขานี้มันจึงเป็นเรื่องยากที่พวกสหพันธ์นักสู้จะสามารถค้นหาพวกแบล็คกี้ได้ในเวลาอันสั้น

 

นอกจากนี้พวกสหพันธ์นักสู้จะต้องออกกระจายกันเพื่อค้นหาพวกแบล็คกี้อย่างแน่นอน

 

เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้มันก็เข้าทางฉีเฟิงที่มีประสบการณ์มากมายในอดีต  ภายในพื้นที่ที่เป็นป่าแบบนี้แม้ว่าจะมีผู้เล่นเป็นหมื่นคนแต่ฉีเฟิงก็ยังมั่นใจว่าเขาจะต้องได้รับชัยชนะ

 

เมื่อมาถึงทางเข้าหุบเขาฉีเฟิงก็ได้เปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของเขาให้กลายเป็นคนอื่น

 

ด้วยประสาทสัมผัสที่ไม่ธรรมดาของเขาทำให้เขาพบว่ามีนักฆ่า เลเวล 6 ซ่อนตัวอยู่ในบริเวณรอบทางเข้าหุบเขาอยู่จำนวนหนึ่ง  

 

นักฆ่าพวกนี้เป็นหน่วยสอดแนมของสหพันธ์นักสู้ซึ่งพวกเขาได้รับมอบหมายให้คอยจับตาดูผู้เล่นทุกคนที่เข้าไปภายในหุบเขาเพื่อพิจารณาว่าผู้เล่นคนดังกล่าวคือกำลังสนับสนุนของศัตรูที่พวกเขากำลังตามล่าอยู่หรือไม่  

 

เมื่อพวกนักฆ่าเห็นฉีเฟิงที่ปลอมแปลงตัวเองเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาในหุบเขาพวกเขาก็คิดว่าฉีเฟิงเป็นเพียงผู้เล่นอิสระและเข้ามาในหุบเขานี้เพื่อฟาร์มเลเวลเท่านั้น  พวกเขาไม่ได้มีความระแวงต่อตัวของฉีเฟิงเลย

 

ฉีเฟิงก็ไม่ได้สนใจต่อเหล่านักฆ่าพวกนี้  เขาจึงเดินตรงเข้าไปภายในใจกลางหุบเขาทันที

 

ด้วยความแข็งแกร่งของฉีเฟิงมันเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมากที่จะฆ่านักฆ่าพวกนั้น  แต่ที่เขาไม่จัดการพวกมันก็เพราะว่ามันจะเป็นการแจ้งเตือนให้เหล่าศัตรูของเขารับรู้ได้ว่าเขาได้มาถึงแล้ว  

 

“หัวหน้ามีผู้เล่นคนหนึ่งได้เดินเข้าไปในหุบเขา  แต่จากลักษณะแล้วเขาไม่น่าจะเป็นเป้าหมายของเรา” หนึ่งในนักฆ่าที่เฝ้าทางเข้าของหุบเขารายงาน 

 

“เข้าใจแล้ว  พวกนายก็เฝ้าอยู่ที่นั่นต่อไป  หากมีใครเข้ามาในหุบเขาให้รีบรายงานฉันในทันที  นอกจากนี้ให้ส่งคนไปติดตามผู้เล่นคนเมื่อกี้ด้วยอย่าปล่อยให้เขาได้ไปเจอเป้าหมายของเราโดยเด็ดขาด” อันสเตเบิลออกคำสั่งอย่างจริงจัง 

 

“รับทราบครับ”

 

หลังจากวางสายนักฆ่าก็รู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น  หลังจากที่เขาต้องเฝ้าทางเข้ามาเป็นเวลานานในที่สุดมันก็มีงานอย่างอื่นมาให้เขาทำสักที

 

หลังจากที่ฉีเฟิงได้เข้ามาสู่หุบเขาเกลเขาก็ได้เดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องพร้อมกับเริ่มสังเกตสถานการณ์โดยรอบ  ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงมาจากภายในป่าและยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่การต่อสู้เล็กๆน้อยๆ 

 

เฟิงได้ทำการปิดซ่อนตัวเองและค่อยๆเคลื่อนที่ไปยังที่มาของเสียง  เขาตั้งใจที่จะเข้าไปสำรวจสถานการณ์ตรงหน้า หากมันเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้เล่นกับมอนสเตอร์เขาก็จะจากไปในทันทีแต่เมื่อยิ่งเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่เขาก็จะได้ยินเสียงปะทะกันของโลหะมากขึ้นเท่านั้น

 

“หรือว่าพวกมันจะพบแบล็คกี้แล้ว” ฉีเฟิงส่ายหัวหลังจากที่คิดได้ว่ามันมีความเป็นไปได้ต่ำอย่างมาก 

 

สถานที่แห่งนี้คือพื้นที่ของมอนสเตอร์เลเวล 8 และมันคงจะไม่มีทางที่สหพันธ์นักสู้จะพบเจอกับแบล็คกี้ได้ไวขนาดนี้เพราะพวกมันต้องคอยหลีกเลี่ยงกับมอนสเตอร์ที่คอยเดินไปเดินมาอยู่รอบๆ

 

เมื่อฉีเฟิงกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้เขาก็พบกับฉากการต่อสู้ระหว่างผู้เล่น  ฝ่ายหนึ่งมีผู้เล่นที่กำลังหมดแรงอยู่ 2 คนและผู้เล่นที่สามารถต่อสู้ได้อีก 6 คนและไม่มีผู้รักษาเหลืออยู่เลยแม้แต่คนเดียว  ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้เล่นที่มีตราสัญลักษณ์ของกิลด์และพวกเขายังเหลือคนอีกทั้งหมด 18 คนซึ่งในจำนวนนั้นมีผู้รักษาเหลืออยู่ทั้งหมด 3 คน

       

ผู้เล่นทั้ง 18 คนนี้เป็นสมาชิกระดับสูงของสหพันธ์นักสู้แต่พวกเขาก็ดูดีกว่าสมาชิกระดับสูงที่ฉีเฟิงเคยเจอมาก่อน

 

“สหพันธ์นักสู้มีสมาชิกระดับสูงมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน” ฉีเฟิงงงเล็กน้อย

 

สหพันธ์นักสู้น่าจะหายไปตั้งนานแล้วหลังจากที่ถูกฆ่าตายไปหลายต่อหลายครั้ง  แล้วทำไมสมาชิกระดับสูงจำนวนมากถึงได้ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ 

 

“สาวน้อยอย่าคิดว่าครั้งนี้เธอจะหนีไปได้  ช่วยอยู่เฉยๆจะดีกว่าจะได้ไม่ต้องตายอย่างทรมาน” หัวหน้าทีมของสหพันธ์นักสู้ยิ้มขณะที่เขามองไปยังนักฆ่าหญิง    

 

“นายจะคิดเข้าข้างตัวเองมากไปหน่อยไหม  นายคิดว่าฉันจะอยู่เฉยๆให้นายเข้ามาฆ่าหรือยังไง  แม้ว่าฉันจะตายฉันก็จะลากพวกแกไปให้ได้มากที่สุด” นักฆ่าหญิงพูด

 

“พี่สาวไฟเออร์แดนซ์ รีบหนีไปซะ! พวกเราจะถ่วงเวลาไว้ให้อย่าลืมว่าตอนนี้พวกเราติดโทษหัวแดงอยู่หากเราตายเราจะเสียถึง 2 เลเวลและอุปกรณ์ 3-4 ชิ้น” เบอเซิกเกอร์ที่อยู่ด้านข้างของนักฆ่าพูดเบาๆ

 

ถึงแม้ว่าเบอเซิกเกอร์คนนั้นจะพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบ  แต่ฉีเฟิงผู้มีประสาทสัมผัสทั้งห้าที่ดีเกินคนปกติก็ได้ยินอย่างชัดเจน

 

“ไฟเออร์แดนซ์?” ไม่น่าแปลกใจที่ฉีเฟิงจะรู้สึกคุ้นเคยกับนักฆ่าหญิงคนนี้เพราะเธอคือไฟเออร์แดนซ์ผู้ที่ติดอันดับหนึ่งของคนที่ฆ่าสมาชิกของสหพันธ์นักสู้มากที่สุด

 

“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องให้ความช่วยเหลือเธอสักเล็กน้อย” ฉีเฟิงยิ้มอย่างแผ่วเบาในขณะที่เขายืนอยู่บนกิ่งไม้     

 

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้จักกับไฟเออร์แดนซ์เป็นการส่วนตัวแต่เขาก็เลือกที่จะช่วยเหลือเธอ  เหตุผลก็เพราะเขามาที่นี่เพื่อจะฆ่าล้างสหพันธ์นักสู้ทุกคนอยู่แล้ว หากเขาได้ช่วยเหลือเธอด้วยมันก็เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

 

ในขณะนี้หัวหน้าทีมของสหพันธ์นักสู้ได้หัวเราะเสียงดังขณะที่พูดว่า

 

“เธอคิดว่าเธอจะหนีไปได้อย่างนั้นเหรอ  พวกเราสหพันธ์นักสู้ได้ล้อมที่นี่ไว้จนหมดแล้วอย่าคิดหนีให้เสียเวลาเลยจะดีกว่า”